นายช่างรถไฟหลวงชาวอาทิตย์อุทัย
นายเอช ฟูรูซาวา
( ๐๓ มกราคม ๒๔๓๒ - ๒๗ ธันวาคม ๒๕๑๗)
(ภาพถ่ายในเครื่องแบบข้าราชการพลเรือนรัฐพาณิชย์ กรมรถไฟ)
นายเอช ฟูรูซาวา ถือกำเนิดเมื่อวันที่ ๐๓ มกราคม พ.ศ.๒๔๓๒ ที่เมืองมิโต้ ประเทศญี่ปุ่น ในตระกูล "ซามูไร" แห่งแขวงอิบารากิ ครอบครัวประกอบอาชีพอุตสาหกรรมเลี้ยงไหม และผลิตเส้นใยไหม เมื่อจบการศึกษาขั้นต้นจากเมืองมิโต้แล้ว จึงเดินทางไปศึกษาต่อที่วิทยาลัยการไฟฟ้าคันดะ กรุงโตเกียว สาขาวิชาการไฟฟ้า แล้วศึกษาต่อในวิชาเครื่องยนต์ดีเซลจนจบหลักสูตร
ในยุคนั้นพระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้ทรงมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯให้ พระเจ้าน้องยาเธอ กรมขุนกำแพงเพชรอัครโยธิน เป็นผู้อำนวยการก่อตั้งกิจการ “กรมรถไฟแผ่นดินสยาม” ขึ้น พอดีกับทูตญี่ปุ่นประจำประเทศสยามในสมัยนั้น รู้จักชอบพอกับบิดามารดาของนายเอชฯ จึงชักชวนให้มาทำงานในประเทศสยาม โดยเดินทางมากับเรือเดินทะเลของบริษัทบอร์เนียว เข้ามาทำงานในสยามประเทศครั้งแรก เมื่อปีพุทธศักราช ๒๔๕๔ เป็นนายช่างควบคุมการก่อสร้างโรงเลื่อยและติดตั้งเครื่องจักรทั้งหมด จนเสร็จเรียบร้อยตั้งอยู่ที่ชายทะเล อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี ชื่อ “โรงเลื่อยศรีมหาราชา” อันเป็นโรงเลื่อยที่ทันสมัยและใหญ่ที่สุดในสมัยนั้น
กาลต่อมา ความทราบถึงนายพลเอกพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระกำแพงเพชรอัครโยธิน ผู้บัญชาการกรมรถไฟหลวง จึงทรงขอตัวนายเอชฯ มารับราชการ ในฝ่ายกองช่างกล ของกรมรถไฟแผ่นดินสยาม ประจำโรงไฟฟ้าที่โรงงานมักกะสัน ซึ่งในขณะนั้นมีได้มีนายช่างชาวต่างประเทศประจำอยู่แล้วหลายคน นายเอชฯ ได้ทำงานในกรมรถไฟแผ่นดินสยาม เมื่อปี พ.ศ. ๒๔๖๔ ในฐานะทดสอบงานและได้รับการบรรจุเป็นหัวหน้าช่าง ในปี พ.ศ.๒๔๖๕ โดยได้ปฏิบัติงานด้วยความซื่อสัตย์และมีประสิทธิภาพตลอดมา
จนกระทั่งปี พ.ศ.๒๔๖๘ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว จะทรงพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์เบญจมาภรณ์มงกุฏไทย กับจะทรงพระกรุณาโปรดเกล้าพระราชทานบรรดาศักดิ์ให้อีก แต่ให้ไปทำการโอนสัญชาติเป็นสยามเสียก่อน ด้วยความจงรักภักดีและสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ จึงรีบไปดำเนินการโอนสัญชาติที่สถานทูตญี่ปุ่น แต่ได้ถูกทูตญี่ปุ่นผู้นำพามาอยู่ประเทศสยามยับยั้งเอาไว้ ด้วยความเกรงใจจึงต้องปฏิบัติตาม
เมื่อมีการก่อสร้างสะพานรถไฟข้ามแม่น้ำเจ้าพระยา นายเอชฯ เป็นบุคคลหนึ่งที่ได้ไปร่วมการก่อสร้างในฐานะนายช่างกล ฝ่ายโรงงานมักกะสัน เมื่อสร้างเสร็จเรียบร้อยแล้วทางการตั้งชื่อว่า “สะพานพระราม ๖”
ต่อมานายเอชฯ ได้เสนอให้กรมรถไฟจัดซื้อรถจักรไอน้ำ “มิกาโด” ซึ่งเป็นหัวรถจักรไอน้ำที่ประเทศญี่ปุ่นผลิตขึ้นใหม่ในช่วงเวลานั้น มีคุณภาพประหยัด กำลังฉุดลากดี ความเร็วดี มีความเหมาะสมกับความต้องการใช้ของเมืองไทยและราคาถูกมาก เมื่อกรมรถไฟพิจารณารายละเอียดต่างๆ แล้วอนุมัติให้สั่งเข้านำมาทดลองใช้รุ่นแรกจำนวน ๑๐ คัน ปรากฏว่าได้ผลดีมาก ต่อมาได้สั่งเข้ามาใช้งานอีกหลายสิบคัน
จวบจนกระทั่งสิ้นสงครามโลกครั้งที่ ๒ เหลือนายช่างชาวต่างประเทศเพียง นายเอชฯ ผู้เดียวเท่านั้นที่ยังรับราชการอยู่ ตำแหน่งครั้งสุดท้าย เป็นสารวัตรโรงงาน โรงงานมักกะสัน และได้ขอลาออกจากราชการกรมรถไฟหลังสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ ๒ โดยสมัครใจขอรับเป็นบำเหน็จแทนบำนาญ
นายเอช. ฟูรูซาวา มีภรรยาเป็นคนไทยคนแรกชื่อแม่เชื้อ มีบุตรธิดา ๑๑ คน ภรรยาคนที่สองชื่อแม่อู๊ด มีบุตรธิดา ๒ คน รวมทั้งหมด ๑๓ คน โดยบุตรชายใช้นามสกุลไทยว่า " ประสพสันต์" บางคนยังคงใช้นามสกุลตามบิดา
นายเอชฯ เสียชีวิตด้วยโรคหัวใจวาย เมื่อวันที่ ๒๗ ธันวาคม ๒๕๑๗ เวลา ๑๖.๓๐ น.อายุได้ ๘๗ ปี ได้รับพระราชทานเพลิงศพ ณ เมรุวัดธาตุทอง กรุงเทพมหานคร วันอาทิตย์ที่ ๒๐ เมษายน พ.ศ. ๒๕๑๘